Cat Zone
- Home
- Cat Zone
แมวอ้วน ไม่ได้น่ารักอย่างที่คิด กับปัญหาสุขภาพที่ตามมา
คุณพ่อคุณแม่หลงใหลน้องแมวด้วยเหตุผลหลายประการ หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น คือ รูปร่างกลมฟูของน้องแมว และด้วยเหตุผลนี้ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจึงอยากให้น้องตัวแน่น และขนฟู แต่สุดท้ายทำให้ แมวอ้วน มากกว่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แมวอ้วน หรือที่สัตวแพทย์มักเรียกว่า แมวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นแมวที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต รวมถึงมีอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง เมื่อเทียบกับแมวที่มีน้ำหนักตัวตามมาตรฐาน ดังนั้น การดูแลน้องแมวให้มีรูปร่างที่สมส่วน และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจะส่งผลให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ แมวที่มีสุขภาพดีย่อมส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ และเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วตามธรรมชาติของแมว ที่สำคัญ เมื่อน้องแมวได้แสดงออกตามสัญชาติญาณ และมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรค น้องแมวจะเกิดภาวะแห่งความสุขตามมาด้วย น้องแมวของเราอ้วน หรือไม่ ตรวจสอบได้อย่างไร สำหรับการประเมินว่า น้องแมวของเรามีรูปร่างที่สมส่วนหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตด้วยตา และใช้มือคลำร่างกายของแมว โดยอ้างอิงจากเกณฑ์การให้คะแนนความสมบูรณ์ของร่างกาย (Body condition score : BCS) ของสัตว์เลี้ยง แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ ระดับที่ 1 ภาวะผอมแห้งขาดอาหาร […]
อ่านต่อพลังแห่งใยอาหาร กับบทบาทในการจัดการโรคในแมว
ใยอาหาร เป็นองค์ประอบหนึ่งในอาหารสำเร็จรูป ที่ช่วยส่งเสริมระบบทางเดินอาหารของแมว ให้ดีขึ้น และมีบทบาทกับการจัดการโรคบางชนิด
อ่านต่อข้อเท็จจริงของอาหารสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท
ประเภทของอาหารสัตว์ ในประเทศไทยมีหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครวมถึงให้สัตว์เลี้ยงมีมีความต้องการอาหารที่หลากหลาย
อ่านต่อที่สุดของอาหารและขนมแมวเกรดพรีเมียมเพื่อน้องเหมียวที่รัก
ปัจจุบันเทรนด์คนเลี้ยงแมวสูงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมากซึ่งคนเลี้ยงต่างรักและดูแลน้องเหมียวเหมือนลูก หรือคนในครอบครัว ดังนั้นการเลือกโภชนาการอาหาร รวมถึงขนมต่างๆสำหรับคนรักแมวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เหล่าทาสต่างมีความใส่ใจในคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆ เพื่อสุขภาพเจ้าเหมียวที่แข็งแรงอยู่กับเราไปนานๆ และยังต้องอร่อยถูกใจลูกรักอีกด้วย บ้านและสวน Pets มีอาหารและขนมแมวเกรดพรีเมียม “Atlas Cat” ที่รับรองว่าจะอร่อยถูกใจ มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการ คุณภาพสูงและเป็น Human Grade พอดีและลงตัว ทำให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพที่ดี เพื่อกลุ่มคนรักเหมียวอย่างแท้จริง “เริ่มด้วยสิ่งที่ดีที่สุด… เริ่มด้วย Atlas Cat” อาหารแมว Atlas Cat กับ 5 สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าเหมียว 📍 อุดมด้วยวิตามินและโอเมก้า 3 📍 ไม่เติมแต่งสี ไม่ใส่สารกันบูด และสารปรุงแต่ง 📍 ไม่เติมเกลือ โซเดียมต่ำ 📍 ผ่านกระบวนการผลิตด้วยความใส่ใจ ตามมาตรฐานสากล 📍 มีประสบการณ์การผลิตอาหารแมวมากว่า 35 ปี ซึ่ง Atlas Cat มีให้เลือกทั้งอาหารเปียก แบบซอง และแบบกระป๋อง รวมถึงขนมแมวเลีย […]
อ่านต่อ“เตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่พบบ่อยในลูกแมว”
การเลี้ยงลูกแมวตั้งแต่วัยเบบี๋เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เจ้าของต้องดูแลลูกแมวเป็นพิเศษ นอกจากการดูแลด้านพัฒนาการให้เจริญเติบโตสมวัยแล้ว ยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะในช่วงปีแรกลูกแมวมีโอกาสที่จะเกิดภาวะผิดปกติต่างๆ อาการเจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บได้มากกว่าแมวโต เจ้าของควรเตรียมพร้อมไว้ เมื่อลูกแมวเกิดปัญหาเหล่านี้จะได้พร้อมรับมือและแก้ไขได้ทันที 1. ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ โดยปกติแล้วลูกแมวแรกเกิดอุณหภูมิร่างกายจะอยู่ที่ประมาณ 33-36 องศาเซลเซียส และเมื่ออายุประมาณ 1 เดือนอุณหภูมิร่างกายจะอยู่ที่ 33.5-37.5 องศาเซลเซียส ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติจะเกิดขึ้นกับลูกแมวช่วงหลังคลอด เพราะร่างกายจะยังปรับอุณหภูมิเองไม่ได้ ซึ่งอาจจะพบได้ในลูกแมวแรกเกิดที่มีขนาดตัวที่เล็กมากและไวต่อสภาพอากาศแม้จะอยู่ในอุณหภูมิปกติ เมื่อร่างกายไม่สามารถควบคุมให้อุณหภูมิอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณหภูมิร่างกายจะเริ่มลดลง ซึ่งความรุนแรงของอาการจะแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้ หากลูกแมวมีภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ ถ้าอยู่ในระดับอ่อนให้ใช้ตู้กกไฟ (heat lamp) ใช้ผ้าห่มห่อหุ้มตัวลูกแมวไว้เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้ความร้อนออกจากร่างกาย หรือใช้ฉนวนกันความร้อนเพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อน และช่วยให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นได้ ถ้าหากอุณหภูมิร่างกายลูกแมวยังลดลงถึงระดับปานกลางให้รีบพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพราะต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย เช่น การใช้ความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (Electric Infrared Heating) ผ้าห่มไฟฟ้า (Electric Overblanket) แผ่นให้ความร้อน (Heating Pad) หรือการให้สารน้ำแบบอุ่นเข้าร่างกายเพื่อช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้ 2. ภาวะขาดออกซิเจน คือร่างกายลูกแมวขาดออกซิเจนในเลือด การเกิดภาวะนี้อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายตั้งแต่แรกเกิด เช่น […]
อ่านต่อวิธีดูแลให้แมวอยู่กับเราไปได้ยาวนาน
อายุขัยโดยเฉลี่ยของแมวจะอยู่ระหว่าง 12-17 ปี หรือบางตัวอาจจะอายุยืนยาวกว่านั้น ซึ่งเจ้าของทุกคนก็คงหวังให้แมวอยู่กับเราไปได้ยาวนานที่สุด คงไม่มีใครอยากให้แมวของเราเจ็บป่วย หรือจากไปก่อนวัยอันควร หัวใจสำคัญในการเลี้ยงแมวให้มีอายุยืนยาวคือแมวต้องมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย มาเรียนรู้วิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ที่มีส่วนช่วยให้แมวมีอายุยืนยาวกัน 1. มีพื้นที่เหมาะกับการเลี้ยงแมวในบ้านแมวที่เลี้ยงในบ้านมีแนวโน้วอายุยืนยาวมากกว่า แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยออกนอกบ้าน แต่ก่อนเริ่มเลี้ยงแมวในบ้าน เจ้าของควรเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมกับน้องแมว มีบริเวณที่กินอาหาร บริเวณใช้ขับถ่ายวางกระบะทราย และบริเวณพักผ่อน ในแต่ละบริเวณควรอยู่ห่างกัน สะอาดไม่อับชื้น และอากาศถ่ายเทสะดวก เพราะแมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาด หากวางถ้วยอาหารถ้วยน้ำ ติดกับกระบะสำหรับขับถ่าย อาจทำให้แมวกินอาหารหรือน้ำน้อยลง นอกจากนั้นแมวยังชอบและสนใจสิ่งที่เคลื่อนไหวไปมาได้ ดังนั้นควรมีบริเวณให้แมวสามารถมองเห็นภายนอกได้ ในขณะเดียวกันจะต้องมีมุมสงบ เป็นพื้นที่ปลอดภัยไว้ให้แมวได้ใช้พักผ่อนนอนหลับ 2. มีของใช้จำเป็นและของเล่นสำหรับเลี้ยงแมวอุปกรณ์ทั่วไป เช่น ที่ใส่อาหาร ใส่น้ำ กระบะทราย ทรายแมว ที่ตักทราย ถุงขยะสำหรับใส่มูลสัตว์แยกทิ้ง ที่นอน ปลอกคอควรมีป้ายชื่อเบอร์ติดต่อเจ้าของในกรณีที่แมวหลุดออกนอกบ้านหากมีคนเจอจะได้ติดต่อกลับหาเจ้าของได้ และควรเป็นปลอกคอแบบนิรภัย เพราะถ้าแมวกระโดดเกี่ยวกับอะไรปลอกคอนิรภัยจะหลุดออกไม่ดึงรั้งคอแมวให้ห้อยติด กระเป๋าหรือตะกร้า เพื่อใช้ใส่แมวเวลาพาออกนอกบ้าน หรือพาไปโรงพยาบาลสัตว์ ควรเป็นกระเป๋าหรือตะกร้าที่มีฝาปิดแน่นไม่หลุดออกง่าย เพราะเวลาแมวตกใจจะดีดตัวออกแรง อุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น แชมพูอาบน้ำ ที่เช็ดหู เช็ดตา […]
อ่านต่อนิสัยความเป็นนักล่า ที่คนรักแมวต้องรู้ไว้!
“แมว” ถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับมนุษย์มายาวนานนับพันปี ด้วยลักษณะนิสัยที่ความหลายหลายไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ บางคนเลยคิดว่าแมวเป็นสัตว์ที่เข้าใจยาก แต่ความจริงแล้วธรรมชาติของแมวไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่มีนิสัยแสนเชื่อง นิสัยแมว ในบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่มนุษย์นำมาเลี้ยง แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ยังคงมีสัญชาตญาณของนักล่าอยู่มาก เพราะบรรพบุรุษของแมวมาจากสัตว์ป่าที่เป็นนักล่าเช่นเดียวกันกับสิงโตและเสือ ซึ่งอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร แม้ปัจจุบันแมวจะพัฒนาจากสัตว์ป่ามาเป็นแมวบ้าน มีเจ้าของเลี้ยงดูแต่สัญชาตญาณของความเป็นนักล่าก็ยังหลงเหลืออยู่ให้เราได้เห็น แมวแต่ละตัวก็จะมีความเป็นนักล่ามากน้อยแตกต่างจะมีอะไรบ้างนั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจกันค่ะ นิสัยแมว ชอบปีนป่ายกระโดดขึ้นที่สูง การขึ้นที่สูงเป็นหนึ่งในนิสัยนักล่าเวลาที่แมวจะจับเหยื่อจะขึ้นที่สูงเพื่อคอยเฝ้าดูไม่ให้เหยื่อรู้ตัวหรือเวลาที่หนีจากสัตว์อื่นแมวจะกระโดดขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย ด้วยโครงสร้างทางร่างกายของแมวที่มีความคล่องตัวสูง มีกระดูกที่เบา กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงและยืดหยุ่นได้มากกว่าสัตว์อื่น ๆ แมวสามารถกระโดดสปริงตัวขึ้นที่สูงมาก ๆ ได้ และถ้าตกจากที่สูงกระดูกชิ้นเล็ก ๆ อยู่บริเวณหูชั้นใน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวของร่างกาย จะควบคุมให้ร่างกายค่อย ๆ พลิกตัวทีละส่วน โดยเริ่มบิดตัวจากส่วนหัวไปหาง เพื่อให้สมองคำนวณหาพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทิ้งตัวหมุนกลับเพื่อเอาเท้าลงพื้นได้อย่างปลอดภัย สัญชาตญาณแมว แมวไม่ชอบเสียงดังหรือที่จอแจวุ่นวาย เพราะแมวเป็นสัตว์ที่หูไวมากสามารถได้ยินเสียงที่มีคลื่นความถี่เสียงสูงมากและได้ยินเสียงในระยะไกลได้ดี แมวหูดีกว่ามนุษย์สามารถได้ยินเสียงดังมากกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า รูปทรงหูของแมวจะมีลักษณะคล้ายจานดาวเทียมภายในมีความโค้งและหยักไว้สำหรับรับสัญญาณเสียงต่าง ๆ และที่สำคัญแมวใช้ประสาทสัมผัสการฟังในการล่าเหยื่อ หูของแมวสามารถหมุนได้รอบทิศทางเพื่อคอยดักฟังเสียงทำให้ได้ยินเสียงร้องจากเหยื่ออย่างนก หนู จิ้งจก กระรอกหรือกระต่าย แม้ว่าเหยื่อจะหลบซ่อนอยู่ก็ตาม และความหูดีของแมวก็ทำให้แมวบางตัวขี้กลัวหรือหวาดระแวงเวลาได้ยินเสียงดัง ๆ ดังนั้นเจ้าของควรมีพื้นที่สงบที่เงียบ ๆ ให้แมวได้พักผ่อน และหลีกเลี่ยงการพาแมวออกไปที่มีความวุ่นวายเสียงดังเพราะอาจจะทำให้แมวตื่นตระหนกและเกิดความเครียดได้ กลางคืนไม่นอนปลุกเจ้าของตอนดึกชวนวิ่งเล่น ในอดีตแมวล่าเหยื่อตอนกลางคืนเพราะแมวมองเห็นได้ในที่มืดรูม่านตาของแมวสามารถขยายได้กว้างเลยทำให้มีความไวต่อสัตว์หรือสิ่งของที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าในสภาวะที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืน […]
อ่านต่อเลือกอาหารแมวอย่างไร ให้สุขภาพดีและเติบโตแบบที่เค้าเป็น
สำหรับเหล่าทาสแมวแล้ว การได้ใกล้ชิดคลอเคลีย และเห็นเค้าเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงตามวัยคือความสุขที่สุด
อ่านต่อฉลาดอ่านฉลาก ก่อนเลือกซื้ออาหารแมว
ทาสแมวทั้งหลาย เคยไปซื้ออาหารแมว แล้วประสบปัญหายืนงงอยู่ในโซนอาหารแมวตั้งนานสองนานกันมั้ย อาหารยี่ห้อไหน ถุงแบบไหนก็หน้าตาเหมือนกันไปหมด ไม่รู้ว่าจะเลือกอาหารแมวยี่ห้อไหนดี ที่จะเหมาะสมกับน้องแมวของเรา หรือที่ได้มาตรฐานปลอดภัยกับน้องแมว แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าเรา “ฉลาดอ่านฉลาก” การเลือกอาหารที่เหมาะสมสำหรับน้องแมวของคุณอาจเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ และเป็นการตัดสินใจที่หนักใจสำหรับเจ้าของน้องแมวหลายๆคน ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาหารเม็ด , อาหารเปียก , บาร์ฟ , อาหารแบบ Grain free , อาหารเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งมีมากมายหลากหลายรูปแบบไปหมด และการอ่านฉลากจะเป็นสิ่งที่ช่วยเราเลือกซื้ออาหารให้น้องแมวได้อย่างเหมาะสม การอ่านฉลาก สำคัญอย่างไร การอ่านฉลาก จะเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยม ในการที่จะช่วยเราพิจารณาได้ว่าอาหารยี่ห้อใด สูตรใด ถึงจะเหมาะสมกับน้องแมวของเรา หรือเป็นอาหารที่ได้คุณภาพ ปลอดภัยกับน้องแมวของเรา เพราะที่ฉลากบนถุงอาหารนั้น จะบ่งบอกถึงข้อมูลที่สำคัญของอาหารยี่ห้อนั้น ๆ เช่น วัตถุดิบ สารปรุงแต่งต่าง ๆ คุณภาพของอาหาร วันผลิต-หมดอายุ การรับรองมาตรฐานของอาหารสัตว์ ชื่อผู้ผลิต ปริมาณน้ำหนักของอาหาร เป็นต้น สิ่งที่ควรสังเกตบนฉลากอาหาร วัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมอาหารสัตว์ ส่วนผสมของอาหารสัตว์เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในฉลากที่จะต้องอ่าน ส่วนผสมที่ใช้จะต้องเรียงลำดับตามน้ำหนักจากปริมาณมากไปน้อย และจะต้องระบุส่วนผสมที่ใช้ทั้งหมดอย่างละเอียด โดยส่วนผสมหลักของอาหารสัตว์จะมาจากพืช […]
อ่านต่อเอาใจน้องเหมียว ด้วยอาหารแมวแบบเปียกและขนมแมวเลีย
ทาสแมวหลายคนคงทราบดีว่าแมวเป็นสัตว์ที่กินน้ำน้อยโดยธรรมชาติ อาจเพราะส่วนหนึ่งเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิด หรือมีเชื้อสายมาจากแถบทะเลทราย จึงสามารถอดน้ำได้ดี เพราะ ถูกจำกัดโดยสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและสุขภาพแล้ว การดื่มน้ำน้อยในปัจจุบันอาจทำให้เกิดภาวะเสี่ยงของโรคนิ่ว โรคไต และโรคระบบทางเดินปัสสาวะได้ บ่อยครั้งเจ้าของจึงต้องให้ อาหารแมวแบบเปียก และขนมแมวเลีย เพื่อช่วยชดเชยปริมาณน้ำในร่างกายที่ขาดไป อาหารแมวแบบเปียก ส่วนใหญ่ มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 70-80% จึงช่วยเติมน้ำในร่างกายให้เพียงพอ หรือใกล้เคียงกับความต้องการในแต่ละวันได้ อีกทั้งแมวเป็นสัตว์ที่มีต่อมรับรสบนลิ้นน้อยมาก แต่มีประสาทสัมผัสในการรับรู้กลิ่นที่ดี อาหารแมวแบบเปียกและขนมแมวเลียที่มีเนื้อสัมผัสดีและมีกลิ่นหอม จึงเป็นตัวตัดสินรสชาติและกระตุ้นความอยากอาหารของแมว ซึ่งเจ้าของควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เน้นวัตถุดิบหลักที่เป็นเนื้อสัตว์แท้ อย่าง เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ มีส่วนผสมที่เหมาะกับอายุ สุขภาพ และความต้องการของร่างกาย รวมถึงควรให้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรให้เพื่อทดแทนอาหารหลัก และควรดูแลสุขภาพช่องปากของแมวเหมียวเป็นประจำ เพื่อลดกลิ่นปากและการสะสมของคราบหินปูน PRAMY ผลิตจากส่วนที่ดีที่สุดของเนื้อปลาแท้ 100% อาหารแมวแบบเปียกของ Pramy (พรามี่) ผลิตจากเนื้อปลาแท้ 100% คัดสรรมาเฉพาะปลาเนื้อขาว (White meat) ซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่ดีที่สุด ปราศจากก้าง เครื่องใน เลือด รวมถึงเนื้อแดง เพื่อให้ได้อาหารคุณภาพดีที่สุด (Human […]
อ่านต่อโภชนาการที่ทาสแมวควรรู้ ทางลัดสู่ขนสวยเงางามพร้อมสุขภาพที่ดี
ตามธรรมชาติแล้วน้องแมวถูกจัดให้เป็นสัตว์กินเนื้อ สารอาหารที่น้องแมวควรจะได้รับเป็นหลักจึงเป็นอาหารจำพวกโปรตีนที่ได้จากปลา จากเนื้อสัตว์อย่างไก่และอาหารทะเล แต่ก็ใช่ว่าโปรตีนอย่างเดียวจะเพียงพอต่อสุขภาพที่ดีของน้องแมว สารอาหารในกลุ่มอื่น ๆ อย่างคาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ รวมไปถึงกรดอะมิโนนั้นก็จำเป็นไม่แพ้กัน การเลือกอาหารให้เหมาะสมกับน้องแมวนอกจากจะเลือกรูปแบบของอาหารแล้ว ควรจะทราบถึงความต้องการทางด้านโภชนาการของน้องแมวในแต่ละช่วงอายุด้วย เพราะต่างวัย ร่างกายก็ต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป เพื่อส่งเสริมและดูแลสุขภาพร่างกายของน้องแมวให้สมบูรณ์ตั้งแต่แรกด้วยโภชนาการที่เหมาะสมกันค่ะ ลูกแมว ( แรกเกิด – 1 ปี ) เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของลูกแมว ภูมิคุ้มกันที่เคยได้รับจากนมแม่เริ่มลดน้อยลง ส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงตามไปด้วย ลูกแมวในช่วงวัยนี้เราควรดูแลเรื่องอาหารที่มีหน้าที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงเพิ่มปริมาณของโปรตีน ไขมัน แคลเซียมและฟอสฟอรัส ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต พร้อมเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก ความถี่ในการให้อาหารลูกแมวไม่จำเป็นต้องให้ในปริมาณมาก เน้นให้น้อยแต่ให้บ่อย โดยแบ่งเป็น 5 มื้อ ต่อวัน สามารถค่อย ๆ ลดปริมาณการให้อาหารเป็น 2 มื้อต่อวันแบบแมวโตได้เมื่อลูกแมวอายุเข้าเดือนที่ 6 ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่ายเพราะระบบย่อยยังทำงานไม่สมบูรณ์ แมวโตเต็มวัย ( 1 – 7 ปี ) ถึงจะได้ชื่อว่าช่วงโตเต็มวัย แต่การให้อาหารของแมวช่วงวัยนี้กลับมีผลอย่างมากต่อสุขภาพ […]
อ่านต่อน้ำมันตับปลา vs น้ำมันปลา เหมือนกันหรือไม่ ?
จากประสบการณ์การทำงานหลายปีของผู้เขียน พบว่ามีความสับสนของเจ้าของเกิดขึ้นบ่อยมาก ระหว่างน้ำมันปลา และ น้ำมันตับปลา บางครั้งบอกให้ไปซื้อน้ำมันปลากิน สุดท้ายได้น้ำมันตับปลามากินเฉยเลย ทั้งนี้อาจเป็นความคุ้นเคยแต่เด็กของเราด้วย เราอาจจะรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำมันตับปลามากกว่า ทั้งที่จริง ๆ แล้ว น้ำมันตับปลา และ น้ำมันปลา แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งส่วนประกอบ สรรพคุณ และข้อบ่งใช้ วันนี้ บ้านและสวน Pets จะพามาทำความรู้จักน้ำมันทั้งสองชนิดนี้กันให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ซื้อให้สัตว์เลี้ยงของเรากินได้อย่างถูกต้องตามประโยชน์ที่เราต้องการค่ะ น้ำมันตับปลา (cod liver oil) มาเริ่มกันที่น้ำมันตับปลาก่อนนะคะ น้ำมันตับปลา คือน้ำมันที่สกัดมาจากตับของปลา ส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล เช่น ปลาค็อด ภาษาอังกฤษจึงเรียกว่า cod liver oil น้ำมันตับปลาเต็มไปด้วยวิตามินเอ และดีสูง ซึ่งวิตามินเอจะช่วยสร้างเยื่อบุผิวหนัง และกระดูก สร้างภูมิต้านทานโรค และช่วยบำรุงสายตาให้สามารถมองเห็นได้ดีในที่มืด หรือในที่ที่มีแสงสลัว ส่วนวิตามินดีจะสำคัญในการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัสจากอาหารค่ะ แต่ถึงแม้ว่าน้ำมันตับปลาจะอุดมไปด้วยวิตามินเอ และดีสูง แต่ตับก็เป็นแหล่งอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูง ดังนั้นการทานน้ำมันตับปลามากเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้ร่างกายประสบปัญหาคลอเลสเตอรอลสูงเกินตามไปด้วย นอกจากนี้วิตามินเอ และดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากทานน้ำมันตับปลามาก […]
อ่านต่อ