Cat Zone
- Home
- Cat Zone
แมวชอบกินสิ่งแปลกปลอม ที่ไม่ใช่อาหาร หรือ PICA
แมวชอบกินสิ่งแปลกปลอม ที่ไม่ใช่อาหาร หรือที่เรียกว่า PICA เป็นข้อควรระวังอย่างหนึ่งสำหรับการเลี้ยงแมว ที่ผู้ปกครองควรคอยสังเกต และเฝ้าระวังไม่ให้น้องกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไป เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของน้องได้ แมวชอบกินสิ่งแปลกปลอม ที่ไม่ใช่อาหาร เป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในแมวบางสายพันธุ์ เช่น แมวไทย แมวเบอร์มีส และแมวตองกีนีส เป็นต้น ซึ่งสันนิษฐานว่า สาเหตุอาจเกิดจากความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมในแมว อย่างไรก็ตาม แมวสายพันธุ์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น ก็อาจแสดงพฤติกรรม PICA หรือชอบกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารได้เช่นกัน สิ่งแปลกปลอมอะไรบ้าง ที่น้องแมวชอบกิน จากกรณีน้องแมวส่วนใหญ่ที่กินสิ่งแปลกปลอม แล้วคุณพ่อคุณแม่นำน้องมาหาสัตวแพทย์ พบว่า วัสดุแปลกปลอมส่วนใหญ่ที่ตรวจพบ ได้แก่ พลาสติก เศษผ้า วัตถุที่ผลิตจากยางหรือไม้ กระดาษแก้ว กระดาษแข็ง ทรายแมว โลหะ และก้อนขนของตัวเอง โดย ช่วงอายุที่พบได้บ่อย คือ ลูกแมวที่อายุน้อยกว่า 3 เดือน จากการสังเกตพฤติกรรมพบว่า ลูกแมวจะเริ่มกัดแทะสิ่งของใกล้ตัว อย่างที่นอนของตัวเอง และพฤติกรรมนี้จะหายไปเมื่อโตขึ้นสู่ช่วงโตเต็มวัย แต่ในแมวบางตัว จะยังคงพฤติกรรมนี้จนกลายเป็นปัญหาทางพฤติกรรม แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไรว่า แมวของเรามีพฤติกรรมกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร ปกติแล้วแมวจะมีการล่าเหยื่อ […]
อ่านต่อโรคกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบเรื้อรังในแมว
อาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักลด ติดต่อกันนานกว่า 3 สัปดาห์ น้องแมวอาจกำลังเผชิญกับ โรคกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบในแมว โรคกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบในแมว หรือ Inflammatory Bowel Disease มีชื่อย่อว่า IBD เป็นโรคระบบทางเดินอาหารเรื้อรังที่พบได้ในแมวโตเต็มวัย จนถึงแมวสูงอายุ โดยค่าเฉลี่ยอายุที่พบประมาณ 6 ปี บางกรณีสามารถพบได้ในแมวอายุน้อยได้เช่นกัน แต่พบได้น้อย (มีรายงานพบว่า แมวป่วยด้วยโรคนี้ ตั้งแต่อายุ 6 เดือน) อาการส่วนใหญ่ของแมวที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบเรื้อรัง คือ อาเจียน หรือท้องเสีย น้ำหนักลด อาจจะมีอุจจาระปนมูก หรือปนเลือดสดออกมา แสดงอาการเรื้อรัง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลามากกว่า 3 สัปดาห์ แต่ตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ไม่พบ รวมไปถึง บางรายอาจจะมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย สาเหตุของการเกิดโรค IBD โรคกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบเรื้อรังในแมว เกิดจากเซลล์อักเสบแทรกเข้าไปในชั้นผนังของระบบทางเดินอาหาร ทำให้ผนังของกระเพาะอาหาร และลำไส้หนาตัวขึ้น ซึ่งรบกวนการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เกิดความผิดปกติในกระบวนการย่อย […]
อ่านต่อพยาธิในทางเดินอาหารของแมว รู้ไว้เพื่อป้องกัน
พยาธิในทางเดินอาหารของแมว เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และมักเป็นสาเหตุทำให้ระบบทางเดินอาการทำงานผิดปกติ พยาธิในทางเดินอาหารของแมว ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่สังเกตได้ ดังนี้ น้องแมวส่วนใหญ่ที่มีพยาธิในทางเดินอาหารจะแสดงอาการ ท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร มีอาการระคายเคืองบริเวณทวารหนัก โลหิตจาง และถ่ายปนมูกเลือด ถ้าแมวที่มีอายุน้อย อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตช้า และอ่อนแอไม่แข็งแรง ในบางกรณีที่มีพยาธิในร่างกาย อาจจะไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็นอย่างชัดเจนก็ได้ แต่จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นพาหะนำพยาธิไปสู่แมวตัวอื่น ๆ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ พยาธิบางชนิดในแมวสามารถติดต่อสู่คนได้อีกด้วย กลุ่มของพยาธิที่พบได้บ่อยในแมว ได้แก่ กลุ่มพยาธิตัวกลม (Roundworms) 1.พยาธิไส้เดือน ชนิดที่พบบ่อยในแมวชื่อว่า Toxocara cati และ Toxascaris leonine โดยพยาธิที่โตเต็มวัยจะปล่อยไข่ในทางเดินอาหารของแมว และปะปนออกมากับอุจจาระออกมานอกตัวสัตว์ ไข่พยาธิที่ออกมากับอุจจาระของแมวสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเกือบหนึ่งปี การติดต่อสู่แมวตัวอื่นสามารถเกิดได้ 2 ทาง คือ แมวได้รับไข่พยาธิผ่านทางการกินที่ปนเปื้อนไข่พยาธิเข้าไป หรือแมวไปกินสัตว์ที่เป็นพาหะตัวกลาง เช่น หนูที่มีพยาธิตัวอ่อนอยู่ในร่างกาย เป็นต้น สำหรับลูกแมว สามารถติดพยาธิไส้เดือน Toxocara cati จากการได้รับตัวอ่อนพยาธิผ่านทางน้ำนมจากแม่ โดยแมวตัวเมียที่ตั้งครรภ์และมีพยาธิ […]
อ่านต่อแมวอ้วน ไม่ได้น่ารักอย่างที่คิด กับปัญหาสุขภาพที่ตามมา
คุณพ่อคุณแม่หลงใหลน้องแมวด้วยเหตุผลหลายประการ หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น คือ รูปร่างกลมฟูของน้องแมว และด้วยเหตุผลนี้ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจึงอยากให้น้องตัวแน่น และขนฟู แต่สุดท้ายทำให้ แมวอ้วน มากกว่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แมวอ้วน หรือที่สัตวแพทย์มักเรียกว่า แมวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นแมวที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต รวมถึงมีอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง เมื่อเทียบกับแมวที่มีน้ำหนักตัวตามมาตรฐาน ดังนั้น การดูแลน้องแมวให้มีรูปร่างที่สมส่วน และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจะส่งผลให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ แมวที่มีสุขภาพดีย่อมส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ และเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วตามธรรมชาติของแมว ที่สำคัญ เมื่อน้องแมวได้แสดงออกตามสัญชาติญาณ และมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรค น้องแมวจะเกิดภาวะแห่งความสุขตามมาด้วย น้องแมวของเราอ้วน หรือไม่ ตรวจสอบได้อย่างไร สำหรับการประเมินว่า น้องแมวของเรามีรูปร่างที่สมส่วนหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตด้วยตา และใช้มือคลำร่างกายของแมว โดยอ้างอิงจากเกณฑ์การให้คะแนนความสมบูรณ์ของร่างกาย (Body condition score : BCS) ของสัตว์เลี้ยง แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ ระดับที่ 1 ภาวะผอมแห้งขาดอาหาร […]
อ่านต่อโรคติดต่อในแมว : โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
โรคติดต่อในแมว เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของแมวทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน โรคติดต่อบางชนิดสามารถป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนได้ แต่บางโรคยังไม่มีวัคซีนป้องกัน อย่างโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Feline infectious peritonitis ; FIP) โรคติดต่อในแมว ที่คุณหมอได้มาให้ความรู้ในวันนี้คือ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบเกิดจากการติดเชื้อในกลุ่มโคโรนาไวรัส ที่กลายพันธุ์มาจากเชื้อ Feline enteric coronavirus (FCov) และก่อให้เกิดโรคติดเชื้อรุนแรงในแมว โดยทั่วไป เชื้อไวรัสเยื่อบุช่องท้องมักติดเชื้อในแมวที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เช่น แมวอายุน้อยกว่า 2 ปี และแมวที่มีอายุมาก แมวที่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างแน่น และแมวที่เกิดความเครียดเรื้อรัง นอกจานี้ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบยังสามารถพบได้ในแมวที่ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันยกพร่อง เช่น โรคลิวคีเมีย และโรคเอดส์แมว เป็นต้น โดยโรคติดต่อชนิดนี้สามารถพบได้ในแมวทุกเพศ และทุกสายพันธุ์ การติดเชื้อโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว เชื้อ FCoV ที่ยังไม่ได้กลายพันธุ์และไม่ได้อยู่ในขั้นก่อโรครุนแรง สามารถติดต่อแมวตัวอื่นได้ง่าย โดยแพร่ผ่านการสัมผัสทางร่างกายระหว่างแมว หรือการสัมผัสอุจจาระของแมวที่เป็นพาหะ จากการใช้กระบะทรายร่วมกัน หรือการติดเชื้อไวรัสผ่านวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์เป็นเชื้อเยื่อบุช่องท้องอักเสบที่ก่อโรครุนแรงแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่ปนเปื้อนออกมากับอุจจาระของแมวป่วย และไม่ทำให้แมวตัวอื่นติดเชื้อผ่านการกินได้ ปัจจุบัน สัตวแพทย์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เชื้อไวรัสเยื่อบุช่องท้องอักเสบที่เข้าสู่ตัวของแมวแล้ว จะเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาที่ก่อโรคได้จากปัจจัยภายในของแมวตัวนั้นๆ […]
อ่านต่อดูแลน้องแมว อย่างไร ในแต่ละวัน
คุณพ่อคุณแม่ทาสแมวหลายท่านอาจเคยสงสัยว่า ในแต่ละวันเราควร ดูแลน้องแมว อย่างไร และควรดูแลในเรื่องใดบ้าง ความรักและความเอาใจใส่ของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อน้องแมว เป็นสายสัมพันธ์ที่สวยงาม และมีคุณค่าต่อจิตใจ วันนี้ คุณหมอก้อย สพ.ญ. ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์ สัตวแพทย์ประจำ PURRfect Cat Hospital จึงได้มาเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการปรนนิบัติน้องแมวในหนึ่งวันให้ฟังว่า ในหนึ่งวันเราควร ดูแลน้องแมว อย่างไร และทำอย่างไรให้แลดูสุขภาพดีตลอดช่วงชีวิตที่เขาอยู่กับเรา หมอก้อยได้แนะนำวิธีการดูแลพื้นฐาน 4 ข้อ สำหรับน้องแมวทุกตัว ดังนี้ ค่ะ 1. การดูแลเส้นขนและผิวหนัง ระบบปกคลุมร่างกายของน้องแมวทุกตัวประกอบด้วย เส้นขน และผิวหนัง ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม น้องแมวจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ เรื่องการดูแลเส้นขนและผิวหนังเหมือนกันทุกตัว เส้นขนของน้องแมวที่มีสุขภาพดีจะมีลักษณะนุ่มสลวย เงางาม ไม่แห้งกระด้าง และขนไม่หลุดเป็นหย่อมๆ เมื่อเราใช้มือลูบ หรือใช้แปรงหวีสางเส้นขน การดูแลเส้นขนของน้องแมว หมอก้อยได้แนะนำไว้แบบนี้ค่ะ สำหรับน้องแมวสายพันธุ์ขนยาว คุณพ่อคุณแม่ควรแปรงขนเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 5 – 15 นาที […]
อ่านต่อดูแลน้องแมว อย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคไต
โรคไตในแมว เป็นหนึ่งในโรคที่พบได้มากที่สุดในบรรดาอาการเจ็บป่วยของแมว โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้น เพื่อให้น้องแมวของเรามีสุขภาพที่ดี และห่างไกลจากโรคไต เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไต สาเหตุของโรค รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษา และวิธีป้องกัน โรคไตในแมว เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของไต ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียในร่างกายของแมว ควบคุมความเป็นกรดด่างในกระแสเลือด ควบคุมความสมดุลของเกลือแร่ รวมไปถึงควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย โรคไตในแมวสามารถแบ่งได้ตามระยะการเกิดโรคแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. โรคไตแบบเฉียบพลัน เกิดจากการทำหน้าที่ของไตลดลงอย่างเฉียบพลัน อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แมวมักจะแสดงอาการป่วยภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์หรือไม่เกิน 1 เดือน โรคไตแบบเฉียบพลันเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากขาดน้ำอย่างรวดเร็ว เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย เช่น FIV FeLV FIP และ Feline Morbillivirus และการได้รับสารพิษต่างๆ ที่มีผลต่อไต เช่น ยาฆ่าแมลงต่าง ๆ น้ำยาทำความสะอาด หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยส่วนใหญ่พบว่า แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยให้ออกนอกบ้านได้อย่างอิสระ มักมีความเสี่ยงไปสัมผัสกับสารพิษมากกว่าแมวที่เลี้ยงระบบปิด 2. โรคไตแบบเรื้อรัง ที่ทำให้การทำหน้าที่ของไตค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย […]
อ่านต่อโรคถุงน้ำในไตแมว โรคที่ยังรักษาไม่ได้
ลองสังเกตน้องแมวที่บ้านว่า น้ำหนักลดลง กินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ หรือไม่ นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคไตเรื้อรังที่เรียกว่า โรคถุงน้ำในไตแมว โรคเกี่ยวกับระบบกำจัดของเสียในแมวมักเกิดขึ้นเนื่องจากไตทำงานผิดปกติ ซึ่งโดยทั่วไปมักเรียกรวม ๆ ว่า โรคไต โดยแบ่งเป็น การเกิดแบบเฉียบพลัน อย่างโรคไตวายเฉียบพลัน และการเกิดแบบเรื้อรัง ที่อาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมอย่าง โรคถุงน้ำในไตแมว วันนี้ เรามาเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับ โรคถุงน้ำในไตแมว กันนะคะว่า ลักษณะของโรคเป็นอย่างไร และจะดูแลน้องที่ป่วยเป็นโรคนี้ อย่างไร โรคถุงน้ำในไตแมว มีชื่อเรียกในทางสัตวแพทย์ว่า Polycystic Kidney Disease หรือ PKD เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติขึ้นในไตของแมว โดยมีถุงน้ำ หรือถุงซีสต์ หลายถุงแทรกอยู่ในเนื้อไต โรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกได้ โดยลักษณะของโรคมักจะไม่แสดงอาการในช่วงแรกเกิด แต่แมวจะมีภาวะแฝง จนกระทั่งเมื่อน้องแมวเจริญเติบโตมีอายุมากขึ้น ถุงน้ำที่อยู่ในไตของน้องก็จะขยายขนาดตามไปด้วย ทำให้เกิดอาการของโรคเมื่อน้องมีอายุมากแล้ว ความผิดปกติที่มีถุงน้ำขนาดใหญ่จำนวนมากอยู่ภายในไตแมวจะส่งผลให้เกิดการทำงานของไตผิดปกติ และนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง จนเสียชีวิตในที่สุด โดยจำนวนและระยะเวลาการขยายของถุงน้ำยังไม่มีสามารถวินิจฉัยได้อย่างชัดเจน จะมากหรือน้อย หรือเกิดขึ้นเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับแมวแต่ละตัว ที่ผ่านมา การศึกษาและวิจัยทางสัตวแพทย์พบว่า น้องแมวส่วนใหญ่จะเริ่มแสดงอาการของไตวายเรื้อรังในช่วงอายุประมาณ 7 ปี มีเพียงส่วนน้อยที่พบว่า […]
อ่านต่อวิธีดูแลน้องแมว ให้ก้าวสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แข็งแรง
การเจริญเติบโตของแมวแต่ละช่วงวัย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทั้งภายในและภายนอก ซึ่งอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนสับสนระหว่าง “ช่วงโตเต็มวัย” กับ “ช่วงเจริญพันธุ์” และอาจส่งผลต่อ วิธีดูแลน้องแมว โดยทั่วไปแล้ว ลูกแมวจะเริ่มเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยเมื่ออายุประมาณ 1 ปี หมายถึงร่างกายได้พัฒนาและเจริญเติบโตเต็มที่ตามลักษณะสายพันธุ์ กล้ามเนื้อแข็งแรง อวัยวะทุกส่วนทำงานได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในบางสายพันธุ์ที่มีโครงร่างกายใหญ่ อย่างสายพันธุ์เมนคูน จะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยประมาณ 15 เดือน ที่ช้ากว่าแมวสายพันธุ์อื่นๆ ส่วนวัยเจริญพันธุ์ คือ ช่วงที่น้องแมวพร้อมสืบพันธุ์ได้ โดยในแมวจะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 4 – 18 เดือน หรือที่เรียกว่า “การเป็นสัดหรือฮีท” การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งภาวะร่างกายของแมว น้ำหนักของแมว สายพันธุ์ของแมว และช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่มีแสงอาทิตย์ยาวนานอย่าง เช่นฤดูร้อนในพื้นที่เขตหนาว หรือสภาพภูมิอากาศบ้านเรา ก็จะกระตุ้นให้แมวเป็นสัดได้เร็วขึ้น ในช่วงระหว่างการเป็นสัดหรือฮีท แมวตัวเมียจะแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น ส่งเสียงร้องหาคู่ ใช้ตัวถูไถสิ่งของตามพื้นและกลิ้งไปมา แอ่นหลังลงและกระดกก้นขึ้น เบี่ยงหางไปด้านข้างและย่ำเท้าหลังไปมา ลำตัวและหางสั่น หรือเกร็งลำตัว ระยะเวลาในการเป็นสัดของแมวตัวเมียอยู่ระหว่าง 2 – 14 วัน แบ่งออกเป็น 5 ระยะ […]
อ่านต่อแมวใช้กลิ่นสื่อสาร อย่างไร
บางครั้ง คุณพ่อคุณแม่น้องแมวพบว่า แมวเอาตัวมาถูไถไปมาตามลำตัวและเสื้อผ้าของเรา การแสดงออกเช่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการสื่อสารที่ แมวใช้กลิ่นสื่อสาร กับมนุษย์ การสื่อสารในสัตว์เป็นหนึ่งในกลไกตามธรรมชาติ เพื่อคงความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ และเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงที่วิวัฒนาการเข้ามาอยู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน พวกเขาก็ต้องการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แมวใช้กลิ่นสื่อสาร กับสมาชิกในบ้าน และแมวด้วยกันเอง สุนัขส่งเสียงเห่าหอน และแสดงท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นต้น แมวใช้กลิ่นสื่อสารในชีวิตประจำวันเพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้าง สพ.ญ.ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลแมว PURRfect Cat Hospital กล่าวว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใช้กลิ่นสื่อสารเพื่อแสดงการทักทาย การวางอาณาเขต แสดงความเป็นเจ้าของ และความเป็นศัตรู การสื่อสารด้วยกลิ่นเป็นวิธีการสื่อสารในแมวที่มีความคงทนมากกว่าวิธีอื่น ด้วยโครงสร้างทางร่างกายของแมวที่มีต่อมกลิ่นอยู่หลายตำแหน่ง เช่น บริเวณโคนหาง บริเวณผิวหนังรอบหัวและหนวด รวมไปถึงบริเวณฝ่าเท้า เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่จึงพบว่าน้องแมวแสดงพฤติกรรมต่างๆ ที่พยายามใช้กลิ่นสื่อสารกับแมวกับมนุษย์ และแมวด้วยกันเอง การสื่อสารโดยการใช้กลิ่น สพ.ญ.ปิยวรรณ กล่าวว่า “น้องแมวจะแสดงพฤติกรรม 3 รูปแบบ ได้แก่ การถูไถ (Rubbing) การข่วนวัตถุ (Scratching) และการใช้สิ่งขับถ่าย (Excrement marking)” เหล่านี้คือคำอธิบายพฤติกรรมการใช้กลิ่นของน้องแมว […]
อ่านต่อทำไม ลิ้นของแมว หยาบเหมือนกระดาษทราย
รู้หรือไม่ทำไม ลิ้นของแมว ถึงหยาบและมีหนาม ทาสแมวทั้งหลายอาจเคยสงสัยว่า เมื่อน้องแมวมาเลียตัวเรา ทำไมจึงรู้สึกสากเหมือนเอากระดาษทรายมาถูตัว และหากใช้มือเปิดดูภายในบริเวณช่องปากแมว จะพบว่าบริเวณ ลิ้นของแมว จะมีลักษณะคล้ายตุ่มหนามเล็ก ๆ กระจายอยู่เต็มบริเวณด้านบนของลิ้น เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาวิจัยจนค้นพบว่า ลิ้นของแมวเป็นอวัยวะที่น่าทึ่ง เพราะมีความสำคัญหลายอย่างนอกเหนือไปจากการรับรสอย่างเช่นในมนุษย์เรา ตามการศึกษาวิจัย ลิ้นของแมว มีลักษณะอย่างไร หากเราสังเกตที่ลิ้นของแมวด้วยตาเปล่า เราจะเห็นว่ามีลักษณะเป็นเส้นขนคล้ายหนาวเล็กๆ หลายชิ้นเรียงกัน แต่ละชิ้นมีปลายแหลมชี้ไปทางด้านในลำคอ โครงสร้างเล็กเรียวนี้เรียกว่า “ปุ่มลิ้น” หรือ Papillae ซึ่งมีเคราตินเป็นส่วนประกอบ โดยเคราตินเป็นโปรตีนชนิดเดียวกันกับที่พบในเส้นผมและเล็บของมนุษย์ ความน่าสนใจของโครงสร้างลิ้นลักษณะนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ลิ้นที่มีหนามสามารถพบได้ในสัตว์ตระกูลแมวป่าทั้งหมด เช่น เสือคูการ์ เสือดาวหิมะ เสือโคร่ง และสิงโต เป็นต้น 3 เหตุผลที่ลิ้นแมวหยาบคล้ายกระดาษทราย เมื่อพิจารณาถึงโครงสร้างของลิ้นแมว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เมื่อแมวมาเลียมือเรา เราจึงรู้สึกเหมือนเอากระดาษทรายมาถูมือ แล้วโครงสร้างลักษณะนี้ทำไมจึงพบในแมว เมื่อแมวใช้ลิ้นเลียขนตัวเอง เหมือนพวกเรากำลังแปรงขนให้ตัวเอง ปุ่มลิ้นนับหลายร้อยหลายพันชิ้นที่อยู่บนลิ้นของแมวเปรียบมือซี่หวีถี่ๆ โดยตำแหน่งปลายแหลมของตุ่มลิ้นสามารถแทรกผ่านเส้นขนที่ปกคลุมร่างกายได้ รวมถึงยังมีท่อขนดาเล็กในตุ่มลิ้นที่สามารถดูดกลับน้ำลายในช่องปากได้ การเลียขนตัวเอง หรือ grooming มีจุดประสงค์หลายอย่าง ซึ่งแมวส่วนใหญ่ใช้เวลากว่าหนึ่งในสี่ของชีวิตประจำวันเพื่อเลียขนตัวเอง เพื่อให้กำจัดแมลงรำคาญ […]
อ่านต่อโรคเอดส์แมว หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว
โรคเอดส์แมว เป็นหนึ่งโรคที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่วนใหญ่การแพร่ระบาดจากแมวสู่แมวมักเกิดขึ้นในกลุ่มแมวจร และแมวที่เลี้ยงในระบบเปิดไปรับเชื้อจากแมวที่อยู่ภายนอกบ้าน โรคเอดส์แมว หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว เกิดกจาการติดเชื้อ Feline immunodeficiency virus (FIV) ในกลุ่ม retrovirus ซึ่งมีกระบวนการก่อโรคคล้ายกับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในมนุษย์ อย่างไรก็ตาม โรคเอดส์แมวก็ไม่สามารถแพร่ระบาดสู่คนได้ ปัจจุบัน สัตวแพทย์และนักวิจัยได้คนพบเชื้อ FIV ทั้งหมด 6 สายพันธุ์ย่อย คือ A , B , C , D , E และ F โดยในประเทศไทย พบว่า สายพันธุ์ย่อย D แพร่กระจายมากที่สุด และยังพบความชุกชุมของโรคสูงในกลุ่มแมวจร แมวที่เลี้ยงในระบบเปิด และแมวเพศผู้ ที่มีพฤติกรรมต่อสู้กับแมวตัวอื่น เพื่อแย่งอาณาเขต จึงเกิดการแพร่เชื้อระหว่างการกัดกัน หลังจากแมวได้รับเชื้อ FIV เข้าสู่ร่างกาย เชื้อไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแมวต่ำลง และแสดงอาการของโรคตามมา โดยแบ่งระยะของอาการเป็น 4 ระยะ คือ ระยะเฉียบพลัน […]
อ่านต่อ